สีเหลือง = หลักทรัพย์ไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้เราต่อยอดได้ว่าหากตลาดหุ้นลงหนักๆ ถ้าหุ้นตัวใดไม่เปลี่ยนแปลงก็อาจตีความหมายว่า หุ้นนั้นมีความแข็งแกร่งกว่าตลาดนั่นเอง
โครงสร้างของบริษัท ยังเป็นเศรษฐกิจรุ่นเก่า ที่ยังไม่มีการปรับตัวไปสู่เทคโนโลยีใหม่ ๆ แข่งขันกับบริษัทต่างประเทศ ท้ายที่สุดตลาดหุ้นไม่โต เพราะขายแต่ของเดิม ๆ
ในการซื้อขายหุ้น มือแดงมักจะบอกว่าราคาหุ้นเพิ่มขึ้นความเชื่อมั่นของตลาดยังสูงขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมีความตั้งใจในการซื้อขายที่แข็งแกร่งมองโลกในแง่ดี ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้ามมือเขียวมักจะบอกว่าราคาหุ้นลดลงเนื่องจากการซื้อขายของนักลงทุนความตั้งใจที่อ่อนแอและความเชื่อมั่นของตลาดในแง่ร้ายส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายหุ้น
พม.ตั้งเป้าเพิ่ม "ล่ามภาษามือ" ให้มีประจำทั่วประเทศ
"ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" ศึกษาเสมอภาค "สมการแก้จนข้ามรุ่น"
ซึ่งตรงนี้ถือเป็นปกติในหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ ทั่วโลกที่มีการใช้กราฟ ในการอธิบายราคาบวก/ลบ ให้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น หุ้น, ทอง, น้ำมัน, น้ำตาล, เหล็ก, โกโก้, กาแฟ ก็ล้วนแต่มีกราฟราคาอธิบายทั้งสิ้น
วิธีเอาตัวรอดนั้นมีมากมาย site แต่เราจะสรุปสั้น ๆ แบบเข้าใจง่าย ๆ ให้ ดังนี้
“สีเขียว” กับความหมายในเทศกาลเช็งเม้ง
เท่านั้นยังไม่พอ แม้แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีน ก็ใช้ทั้งสองสีนี้ในทำนองเดียวกันกับตลาดหุ้นจีน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
– เมื่อจบวัน ราคาลงต่ำกว่าตอนเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีแดง
กรมอุตุ ประกาศเตือนน้ำท่วม ช่วงปลายเดือน ฝนเพิ่มขึ้น มรสุมเข้า
ทำไม ‘ตลาดหุ้นจีน’ ใช้ ‘สีดัชนี’ สวนกระแสโลก สีแดงแทน ‘หุ้นขึ้น’ สีเขียวแทน ‘หุ้นร่วง’
สีของการซื้อขายหุ้นมักจะหมายถึงสีของการซื้อขายหุ้นปริมาณคือสีแดงและสีเขียว สีแดงหมายถึงปริมาณการซื้อขายหุ้นที่เพิ่มขึ้นขณะที่สีเขียวระบุว่าปริมาณการซื้อขายหุ้นลดลง
ไขข้อสงสัยทำไม “ตลาดหุ้นจีน” เลือกใช้ “สีแดง” แทนหุ้นขึ้น และ “สีเขียว” แทนหุ้นร่วง สวนทางตลาดหุ้นทั่วโลก สิ่งนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร